top of page

Binge eating disorder: อาการกินแหลกแดกไม่หยุด กับวิธีพิชิตมัน‼️


(บอกก่อนว่ายาว แต่คนที่กำลังเป็นควรอ่าน เราจะหาย ห้ามอ่านข้ามๆ เพราะเธอจะไม่เข้าใจ จะไม่ได้ผล, binge อ่านว่า บิ๊นจ์)

ใครเคยกินเยอะจนอ้วก ยัดอาหารเข้าไปทั้งๆที่อิ่มแล้ว ทุรนทุรายจะเป็นจะตายต้องไปหาอะไรมากินเดี๋ยวนี้ ขับรถออกไปเพื่อกวาดขนมหมดเซเว่นมากินในคราวเดียว กินของหมดครัวจนควักน้ำพริกมากินเปล่าๆ ฯลฯ ....😔ป้ายกมือ(แบบว่าปากสั่นมือสั่นเหมือนลงแดง)

แล้วใครเคยกินเสร็จ รู้สึกผิด ไปล้วงคออ้วก กินยาถ่าย กินยาขับปัสสาวะ ไปออกกำลังกายเป็นอีบ้า อดอาหารข้ามวัน หรือกลับกัน กินยาดักแป้ง/ดักไขมัน เพื่อจะได้แหลกเหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้ ....😔ป้ายกมืออีก

ป้าไม่ได้เป็นคนเดียวแน่ เพราะอาการนี้คือ binge eating disorder(BED) 2.8% ของคนอเมริกันมีอาการนี้(คือประมาณ 9 ล้านคนนะ😱) ในไทยหาข้อมูลไม่เจอ แต่คิดว่าเยอะแน่ เพราะเราเป็นชนชาติที่คลั่งความผอม ไม่งั้นยาลดความอ้วน อาหารเสริมเทวดาบล็อกแป้งบล็อกทุกสิ่งคงไม่เป็นธุรกิจที่ทำเงินขนาดนี้

เขียนเรื่องนี้ในฐานะที่เอาชนะมันได้แล้ว และอยากแบ่งปันให้น้องๆที่ถามมาทั้งหลังไมค์ และในกลุ่ม Thaiketo friends ได้พ้นทุกข์จากอาการผีบ้านี่

ข้อมูลและวิธีการทั้งหมด แปลและเรียบเรียงโคตรย่อจากหนังสือ Brain over Binge โดย Kathryn Hansen (ด้วยสำนวนกวนตีนของป้าเอง กันคุณๆหลับ) นางเป็นอดีตผู้ป่วยบูลิเมีย(เป็นบูลิเมียมา 6 ปี) ที่เอาชนะโรคได้ด้วยการปรับวิธีคิด อยากรู้ตามมา

📌📌📌📌📌

รู้จักโรคก่อน

Binge eating disorder(BED) คืออาการกินอาหารปริมาณมากเกินความต้องการอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ด้วยความรวดเร็ว กินแม้จะไม่รู้สึกหิว ตามมาด้วยความรู้สึกผิดหรือหดหู่หลังกิน

ส่วน Bulimia Nervosa(โรคบูลิเมีย) คือ BED+การกระทำเพื่อชดเชยการกินแหลก เช่น ล้วงคออ้วก กินยาถ่าย ออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง (ตามมาตรฐานว่าเป็นโรค ต้องมีอาการอาทิตย์ละครั้ง ติดต่อกัน 3 เดือน แต่คำจำกัดความว่าหาย คือไม่มีอาการเลย ดังนั้น ถ้ามีอาการน้อยกว่านี้คือไม่เป็นโรคแต่ไม่หาย งง😓)

จะเห็นว่าถ้าไม่มี BED ก็ไม่เป็นบูลิเมีย เอาง่ายๆแบบนี้ ดังนั้นเรามาเน้นที่ BED

📌📌📌📌📌📌

สาเหตุ

ตามทฤษฎีจะบอกว่ามาจากเหตุผลทางจิตใจ เช่น ซึมเศร้า มีปมในอดีต ไม่นับถือตัวเอง ไม่พอใจในรูปร่างตัวเอง บลาๆๆๆ ต้องรักษาจิตใจก่อน อาการกินแหลกจะหายไป

แต่เฮ้ย ไม่ใช่ทุกคนที่ซึมเศร้าจะกินแหลก และไม่ใช่คนที่กินแหลกทุกคนจะซึมเศร้า คือจริงๆจนถึงตอนนี้ทางจิตวิทยาก็ไม่สามารถสรุปได้ว่ามาจากอะไร พวกเราบางคนก็คงเถียงว่ากรูไม่ได้เศร้า ไม่ได้ไม่พอใจในตัวเองก็ binge ได้ อยู่คนเดียวก็ binge ไปงานเลี้ยงสนุกสนานกับเพื่อนก็ binge คือกรูกินเพราะกรูอยาก -การมาหาสาเหตุมันช่างยากเย็น และกว่าจะรักษาจิตใจได้ ร่างจะระเบิดซะก่อน 😭

น้อง Kathryn ทุกข์ทรมานมา 6 ปี ผ่านการรักษามาหลายหมอ แต่ก็ไม่หายซักที นางเป็นคนใฝ่รู้ ค้นคว้าด้วยตัวเองจนค้นพบหนังสือชื่อ Rational Recovery สำหรับคนติดเหล้า โดยเปลี่ยนมุมมองว่าเรามีอำนาจควบคุมการเสพติดได้ ด้วยการเข้าใจถึงสาเหตุตามหลักสรีรวิทยา/ประสาทวิทยา มากกว่าด้านจิตใจ นางเลยปรับมาใช้กับ BED ค้นคว้าเพิ่ม จนสรุปดังนี้

1.ความอยากที่เร่งเร้าให้เรากิน(urge) เป็นกระแสประสาทจาก”สมองสัตว์”(ชื่อเล่นให้จำง่าย)หรือสมองส่วนสัญชาตญาณ(อยู่บริเวณ hypothalamus)ที่อาจจะอยากเอาชีวิตรอด(คนที่เคยไดเอทโดยการกินน้อยมากๆมาก่อน จะกระตุ้นสัญชาตญาณนี้) หรือเสพติดกับความสุขของการกิน(เพราะการกินอาหาร ทำให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขออกมา)

2.ลองถ้าเราได้ binge บ่อยๆ เซลล์ประสาทจะสร้างร่างแหประสาทจนกลายเป็นอัตโนมัติ จนกลายเป็นนิสัย(habit) เหมือนคนที่ฝึกเล่นดนตรีจนชำนาญ ใช้การอะไรบ่อย สมองจะยิ่งสร้างโครงข่ายที่ใช้งานได้มีประสิทธิภาพขึ้น ซึ่งในที่นี้มันเลว เพราะเรา binge จนเป็นนิสัย จึงทำให้ยากจะหลุดจากวงจรอุบาทว์นี้ได้

📌📌📌📌📌

แต่...มนุษย์มีความพิเศษเหนือสัตว์อื่น ตรงที่ระบบประสาทและสมองเรามีวิวัฒนาการล้ำหน้ากว่า เรามีสมองส่วนหน้า(prefrontal cortex)ที่มีความสลับซับซ้อน เป็นห้องควบคุมสมองและระบบประสาททั้งหมด เราไม่ใช่สัตว์อีกต่อไป ฉะนั้น เราสามารถใช้”สมองคน”หรือ”สมองเรา”นี่แหละ ยับยั้งอีความอยากจากสมองสัตว์ได้

ขั้นตอนคือ 1.มองความอยากกิน(urge)เป็นแค่กระแสประสาทขยะ มาจากสมองสัตว์ซึ่งไม่ใช่สมองเรา ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ไม่ต้องไปค้นปมอดีตให้วุ่นวาย

2.แยกสมองเราออกจากความอยาก: นั่งดูความอยากจากหอคอยด้วยสมองคน สมองของเราเอง ให้รู้ว่าความอยากนั้นไม่ได้มาจากเราจริงๆ แต่มาจากสมองสัตว์ เป็นขยะกระแสประสาท เรามองดูมันอยู่ไกลๆได้โดยที่ไม่ต้องไปเกลือกกลั้วกับมัน

3.เลิกใส่ใจกับความอยาก ไม่ต้องไปคิดมากหาเหตุผลว่าทำไมถึงอยาก ไม่ต้องไปหงุดหงิดตัวเองว่าทำไมรู้สึกอยากกินอีกแล้ว การไปให้ความสำคัญกับมัน ทำให้ความรู้สึกรุนแรงขึ้น แค่รับรู้ว่ามันเกิดขึ้นเฉยๆ

4.เลิกตอบสนองต่อความอยาก: สมองคนเท่านั้นที่ควบคุมขาเราให้เดินไปเปิดตู้เย็นได้ ควบคุมแขนให้หยิบขนมมากินได้ สมองสัตว์แค่บอกว่าอยาก เราไม่จำเป็นต้องทำตามมัน

5.เตรียมรับความตื่นเต้นยินดีที่ควบคุมตัวเองสำเร็จ☺️

การที่คุณใช้วิธีนี้จัดการกับความอยากได้ครั้งนึง ครั้งต่อๆไปจะเริ่มง่ายขึ้น จนความอยากหายไปเอง เพราะคุณได้ทำให้ร่างแหประสาทที่สร้างนิสัย binge อ่อนแอไปเรื่อยๆ จนไม่ได้ใช้งานอีกต่อไป

📌📌📌📌📌

เทคนิคนี้ยังใช้ได้กับคนที่ไม่ได้ binge แต่ชอบหลุดคีโตบ่อยๆเพราะความยับยั้งชั่งใจต่ำ ถ้าคุณสร้างความเคยชินว่าหลุดได้ จะหลุดบ่อยขึ้น แล้วหลุดเป็นนิสัยจนหาทางกลับเผ่าไม่เจอ เริ่มใช้เทคนิคนี้ซักครั้งในการห้ามใจจากความอยาก แล้วปรับมากินคีโตให้เป็นนิสัย

สมองเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์ และเรามีความสามารถที่จะปรับเปลี่ยนมันได้

😅ยาวเนอะ นี่โคตรย่อแล้ว อยากแปลทั้งเล่มให้อ่านเลย หนังสือดีมาก อ้างอิงทางวิทยาศาสตร์เพียบ แต่เปิดมุมมองใหม่ และดังมากๆเพราะคนใช้แล้วได้ผลดีเยอะ ขอให้พวกเราใช้ได้ผลด้วย❤️

หมายเหตุ: ผู้ที่มีโรคทางจิตวิทยา ควรพบจิตแพทย์เพื่อรักษา เทคนิคที่นำมาเผยแพร่คือการรักษาอาการ BED เท่านั้น

เรื่องของดิฉัน และไขมันที่เปลี่ยนชีวิต

ชะนีเภสัช ผู้หมกมุ่นกับการลดน้ำหนัก และลองมาทุกสิ่งจนเข้าหลักสี่ วันนี้ค้นพบวิถีคีโต เข้าลัทธิบูชาขาหมูเชิดชูไขมัน กินผักปั่น และใช้ไขมันเป็นพลังงาน

อ่านความเป็นมาของดิฉัน
Follow Me
  • Facebook Social Icon
  • YouTube Social  Icon
  • Instagram Social Icon
bottom of page