แหม วันนี้ตื่นตี 5 ไปวิ่งมาชั่วโมงนึง(แวะถ่ายรูปบ้างตามประสา😁) เตรียมตัวลงงานวิ่งรอบทะเลสาปที่นี่ (greifenseelauf 2017) กลับบ้านมาก็เจอข่าวร้อนในกลุ่ม Thaiketo friends นะคะ เมื่อสมาชิกไปพบข้อความของคุณหมอสันต์ ใจยอดศิลป์ ที่ตอบคำถามเรื่องการทานคีโตให้กับผู้อ่านท่านหนึ่งที่มีความกังวลกับวิถีหนักไขมันของชาวคีโต (บทความต้นทาง) แล้วคุณหมอตอบไปในทางที่ว่าคีโตนั้นเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ดี แต่อันตรายในระยะยาว พร้อมยกการศึกษาที่บอกว่าผู้กินอาหารแบบคาร์บต่ำโปรตีนสูงไขมันสูงมีอัตราตายสูงกว่าผู้กินอาหารแบบอื่น แถมยกอีกการศึกษามาบอกว่าคีโตลดไขมันได้ไม่ดี😓 ชาวคีโตที่แม่นทฤษฏีไม่ตกใจหรอกค่ะ แต่คนที่เพิ่งศึกษาและเริ่มทานก็มีเหวอๆบ้าง ดีที่เพื่อนๆสมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนใฝ่รู้อยู่แล้ว ไม่ได้มาฟังดิฉันคนเดียว แต่ค้นคว้าหาความรู้เองจากการวิจัยต่างประเทศ และเวป/วีดีโอคุณหมอต่างประเทศ ต้องขอบคุณที่ส่งของมูลมาให้เขียนบทความนี้นะคะ

ด้วยความเคารพนะคะอาจารย์ แม้หนูจะไม่ได้เป็นแพทย์ แต่เรียนเภสัชและทำงานบริษัทยามา 14 ปีก็พอมีความรู้ในการอ่านงานวิจัยอยู่บ้าง บวกกับศึกษาค้นคว้าเรื่องคีโตเจนิคมาพอสมควร หนูขอแย้งด้วยเหตุผลและหลักฐานทางวิชาการเป็นข้อๆดังนี้นะคะ

1.Ketogenic คือการกินอาหารคาร์บต่ำมาก(20-50 กรัมต่อวันหรือ 5% และคาร์บมาจากผักหรืออาหารที่อนุญาต) ไขมันสูง(75% ของแคลอรีต่อวัน) และโปรตีนขนาดกลางๆเท่านั้น(20% ของแคลอรีต่อวัน) ไม่ใช่อาหารคาร์บต่ำโปรตีนสูงไขมันสูงอย่างที่อาจารย์เข้าใจ คีโตเจนิคคือการเปลี่ยน source ของพลังงานจากน้ำตาล มาใช้ไขมันแทน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ก่อมลภาวะต่อร่างกายน้อยกว่าน้ำตาลแน่นอน ชาวคีโตไม่ทานโปรตีนมาก เพราะรู้ว่าโปรตีนที่มากเกินไปสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้จากกระบวนการ gluconeogenesis คีโตนเป็นพลังงานหลักของพวกเรา ซึ่งแม้แต่สมองก็ยัง prefer คีโตน เพราะเป็นแหล่งพลังงานที่มีประสิทธิภาพกว่า ให้พลังงานมากกว่าต่อหนึ่งยูนิตของออกซิเจนที่ใช้

2.การศึกษาที่อาจารย์ยกมาว่าคนกินคีโตมีอัตราตายสูงกว่าผู้กินอาหารแบบอื่นนั้น (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/23372809) เป็นการศึกษาแบบรวบรวมงานวิจัยอื่นๆและข้อมูลผู้ป่วย ไม่ใช่การวิจัยโดยตรง ข้อมูลของคนไข้ 272,216 คนนั้น ถูกนำมาใส่ score ว่าใครกินอาหารแบบไหน โดยให้คนที่กินคาร์บน้อยกว่า 30% เป็นโลว์คาร์บด้วย ในขณะที่คีโตเจนิคคือคาร์บแค่ 5% แถมในรายละเอียดการให้ score นี้คนที่กินอาหารโปรตีนสูง+ไขมัน จะได้เป็นโลว์คาร์บ score ซึ่งคนกินคีโตจะไม่ลงกลุ่มนี้เนื่องจากกินโปรตีนไม่สูง -โดยสรุปงานวิจัยนี้ ไม่ได้ชี้ชัดว่าคนกินคีโตตายมากกว่าอย่างที่อาจารย์เข้าใจนะคะ ไม่มีคำว่าคีโตในงานวิจัยด้วย(เพราะมันไม่ใช่) แถมตอนท้ายยังสรุปว่า ผลการวิเคราะห์นี้มีข้อจำกัด ต้องศึกษาเพิ่มเติมในระยะยาวต่อไป (this analysis is based on limited observational studies and large-scale trials on the complex interactions between low-carbohydrate diets and long-term outcomes are needed.)

มาที่งานวิจัยที่เพิ่งตีพิมพ์ใน The Lancet เดือนนี้และดังไปทั่วโลกอย่าง"ความสัมพันธ์ของไขมันและคาร์โบไฮเดรตต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และการเสียชีวิต ใน 18 ประเทศ 5 ทวีป" Associations of fats and carbohydrate intake with cardiovascular disease and mortality in 18 countries from five continents (PURE): a prospective cohort study ดีกว่าค่ะ

การวิจัยนี้ติดตามคน 135,335 คน ที่มีอายุ 35–70 ปี เป็นเวลาส่วนใหญ่ 7.4 ปี บันทึกการกินอาหารและวัดผลการเสียชีวิตและการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดของคนกลุ่มนี้

ผลสรุปว่า - คาร์โบไฮเดรตในขนาดสูงมีความสัมพันธ์ต่อความเสี่ยงในการเสียชีวิตสูง - ในขณะที่ไขมันและการกินไขมันบางชนิดสัมพันธ์ต่อความเสี่ยงในการเสียชีวิตต่ำ - ไขมันและชนิดของไขมันไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด, กล้ามเนื้อหัวใจตาย (myocardial infarction) หรือการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือด❤️

อ้าว กินคีโตไม่ได้ทำให้เสี่ยงชีวิตนี่นา กินแป้งเยอะๆต่างหาก (ค่อยมาขยายความงานวิจัยนี้นะคะ ได้ฉบับเต็มมา น่าสนใจดี -ขอบคุณคุณ Apirak Oo สำหรับข้อมูลค่ะ😍)

3.การกินคีโตเจนิคเป็นเวลานานมีความปลอดภัย ยืนยันโดยผลวิจัยของสถาบัน Johns Hopkins เนื่องจากเค้ามี ketogenic diet center ซึ่งเป็นศูนย์เฉพาะทางสำหรับการใช้คีโตในการรักษาโรคลมชักในเด็ก พ่อแม่ก็กังวลใจว่าลูกจะปลอดภัยไหม การวิจัยศึกษาคนไข้เด็กจำนวน 101 คน อายุ 2-26 ปี ติดตามอาการคนไข้ที่กินคีโตสูงสุด 8 ปี และตามไปถึงหยุดกินแล้วเป็นเวลา 8 เดือน-14 ปี คนไข้ 80% ไม่มีอาการชักแล้วหรือใช้ยาน้อยลง ทุกคนไม่มีผลข้างเคียงอะไรจาการกินคีโต สรุปว่าปลอดภัยที่จะทานในระยะยาว

ในชีวิตจริงล่ะ มีเจ้าพ่อเจ้าแม่คีโตเมืองนอกเยอะมากค่ะที่กินมามากกว่า 10 ปีเกือบ 20 ปี เช่น -Luis Villasenor : แอดมินของ ketogains ชุมชนนักกล้ามคีโต กินมา 17 ปี กล้ามล่ำมาก -Stephanie Person : ป้าอายุ 50 กินมาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ป้าเป็นคีโตสุดโต่งมาก😂😂 - คุณหมอ Lyle Mcdonald: ผู้เขียน The Ketogenic Diet: A Complete Guide for the Dieter and Practitioner ซึ่งเปรียบเสมือนไบเบิ้ลของชาวคีโต ตีพิมพ์ 1998 แกก็น่าจะกินมาเกิน 20 ปีแล้ว

นี่ไม่รวมคนธรรมดาทั่วไปที่เป็นสมาชิกกลุ่มคีโตเมืองนอกนะคะ ในชุมชนชาวคีโตอย่าง reddit.com/r/Keto/ หรือกลุ่มคีโตทั้งหลายบนเฟซบุ๊คก็มีคนที่กินมานานเป็นสิบปีเหมือนกัน ใครมีคนกินคีโตนานๆส่งเข้าประกวดกันมาได้นะคะ

4.การทดลองที่ว่าอาหารไขมันต่ำลดไขมันได้ดีกว่าอาหารคาร์บต่ำ (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/26278052) ให้ผู้ถูกทดลองกินอาหารคาร์บสูงไขมันต่ำกับอาหารคาร์บต่ำ อย่างละ 4 สัปดาห์ การทดลองนี้ อาหารคาร์บต่ำที่ว่าคือน้อยกว่า 30% (อีกแล้ว) ซึ่งไม่ใช่คีโตเจนิค ตามไปอ่านการโต้เถียงอย่างเมามันของคุณหมอนักวิจัยอีกท่านกับเจ้าของผลการวิจัยนี้ได้

ชาวคีโตรู้ดีว่า น้ำหนักที่หายไปช่วง 2 สัปดาห์แรกคือน้ำ เมื่อร่างกายปรับตัวมาใช้ไขมันเป็นพลังงานหลักได้แล้ว น้ำหนักที่หายไปจึงจะเป็นไขมันในร่างจริงๆ

-----------------------------------------------------------------------------------

ว้ายยยยยย ยาวมากกกกกก เหนื่อยมาก😂😂 งานการไม่ได้ทำ(ดีที่ฝรั่งไปพักร้อนกันช่วงนี้ งานไม่ยุ่ง)

ยังไงคุณหมอสันต์ก็ไม่ได้ว่าคีโตไม่ดี และส่งเสริมให้พวกเราหาข้อมูลเพิ่มเติม เชื่ออะไรอย่างมีหลักฐานและเหตุผลนะคะ ต้องขอขอบพระคุณคุณหมอสันต์มา ณ ที่นี้ที่ทำให้หนูไปค้นคว้าเพิ่มเติมมากมาย และหวังว่าอาจารย์จะเปิดใจ ลองศึกษาหลักคีโตเจนิคที่ถูกต้องซึ่งมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับมากมายนะคะ กราบขออภัยล่วงหน้าที่อาจทำให้ไม่พอใจด้วยค่ะ

ในเพจและกลุ่ม Thaiketo friends เริ่มมีคุณหมอเข้ามาหลายคนแล้ว คีโตเจนิคไม่ได้มีสอนในหลักสูตร แต่พื้นฐานของคุณหมอทั้งหลายจะทำให้ศึกษาเรื่องนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ถ้าคุณหมอทั้งหลายศึกษาเพิ่มเติมและเห็นว่ามีประโยชน์ ชาวคีโตคงต้องขอพึ่งคุณหมอนะคะ คนที่ได้ประโยชน์คือคนไข้และประชาชนที่ไม่ได้มีพื้นฐานทางการแพทย์

ภ.ญ.อิชยา เภสัชศาสตร์ ม.มหิดล รุ่น 25

ป.ล. ครึ่งวันหมดไปกับการอ่านข้อมูลและเขียนโพสต์นี้😓 หวังว่าชาวคีโตจะสบายใจขึ้นนะคะ เราไม่ตายง่ายๆแน่😂😂